หลายๆ คนอาจไม่รู้ว่า หากกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสารโดยเครื่องบิน หาไม่เจอจนครบ 21 วัน สายการบินจะทำการประกาศว่าได้ทำกระเป๋าผู้โดยสาร “สูญหาย” และตามหลักของ Montreal Convention หรือก่อนหน้านี้คือ Warsaw Convention นั้น สายการบินต้องเป็นผู้รับผิดชอบกระเป๋าเดินทางที่หายไปรวมไปถึงข้าวของ ทรัพย์สมบัติที่อยู่ภายในประเป๋าอีกด้วย ซึ่งการเคลมค่าเสียหายนั้น สายการบิน จำเป็นต้องทราบว่า ของภายในนั้นรวมถึงตัวกระเป๋ามีอะไรบ้าง และตีราคามูลค่าออกมาเป็นมูลค่าทางการเงินเท่าไหร่

 

สิ่งที่คุณพึงตระหนักมีดังต่อไปนี้:

  •       มูลค่าของที่คุณให้ออกมา อาจไม่เท่ากับมูลค่าที่สายการบินตีราคาออกมา
  •       เพื่อสนับสนุนการเคลมของคุณ สายการบิน อาจต้องการให้คุณแนบใบเสร็จของสิ่งของที่อยู่ภายในกระเป๋าเดินทางของคุณด้วย
  •       สายการบินย่อมจ่ายค่าเสียหายต่ำกว่ามูลค่าตามจริงที่คุณซื้อของนั้นๆ เพราะเป็นของที่ถูกใช้แล้ว
  •       สายการบิน หรือประกันการเดินทางมักจะไม่ครอบคลุมถึงสิ่งของที่ขึ้นรายการว่าเป็น “สิ่งของมีค่า” หรือ สิ่งของที่ “หมดอายุได้” ซึ่งสิ่งของมีค่าอาทิ อัญมณี หรือเครื่องประดับอาจจะหายไป แต่คุณอาจเรียกร้องค่าชดเชยได้ หากคุณทำประกันสิ่งของชิ้นนั้นไว้
  •       อย่างไรก็ตาม สายการบิน บางรายคุ้มครองสิ่งของมีค่าของผู้โดยสารด้วย ภายใต้ “ excess valuation protection service” ซึ่งอาจจะต้องจ่ายค่าคุ้มครองเพิ่ม ก็แล้วแต่ว่าผู้โดยสารต้องการความคุ้มครองเพิ่มในส่วนนี้หรือไม่

หลังจากที่มีการประเมินค่าความเสียหายเรียบร้อยแล้ว สายการบินจะทำการเสนอเงินค่าชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้โดยสาร ตามข้อพิจารณาดังนี้

  •       มูลค่าของที่หายไป
  •       หลักฐานที่ผู้โดยสารนำมาแสดง
  •       มีในส่วนของการคุ้มครองสิ่งของมีค่าเพิ่มเติม (excess valuation protection) หรือไม่

หลังจากมีการตกลงมูลค่าในการชดใช้ค่าเสียหายระหว่างผู้โดยสารและสายการบินเรียบร้อยแล้ว ทางสายการบินก็จะออกเอกสารบรรลุข้อตกลง และ เอกสารแสดงการไม่มีภาระผูกพันออกมาให้ลงนาม

 

ประกันการเดินทางจะช่วยเราในเรื่องกระเป๋าเดินทาง หรือทรัพย์สินสูญหายได้อย่างไร?

ตามปกติแล้ว ประกันการเดินทางจะเข้ามาอุดรอยโหว่ของการคุ้มครองที่สายการบินปกป้องคุณ ซึ่งในกรณีนี้ก็คือ ความแตกต่างในเรื่องของมูลค่าทรัพย์สินของคุณที่สูญหายไป ซึ่งการที่คุณจะมาเคลมประกันกับทางบริษัทประกันนั้น อย่างแรกเลยคุณต้องมีเอกสารอย่างเป็นทางการชัดเจนจากทางสายการบินว่า ทางสายการบินได้ทำกระเป๋าเดินทางของคุณ “สูญหาย”

 

นอกจากเอกสารฉบับนี้แล้ว ทางบริษัทประกันยังต้องการให้คุณส่งหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ดังนี้:

  •       ใบเสร็จของสิ่งของที่คุณต้องการเคลมประกัน
  •       รูปสิ่งของที่หายไปเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ (ถ้ามี)
  •       เอกสารบรรลุข้อตกลง ในเรื่องมูลค่าที่สายการบินได้จ่ายคุณไปแล้ว เพื่อตรวจสอบว่าคุณได้รับเงินชดเชยค่าเสียหายไปแล้วเท่าไหร่จากสายการบิน

 

จะทำอย่างไรถ้าสายการบินทำทรัพย์สินฉัน “เสียหาย” ?

ก่อนอื่นเลย คุณต้องแสดงความเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับผู้ตรวจตราของสายการบิน หากคุณเดินทางออกนอกสนามบินไปแล้ว อาจสูญเสียสิทธิ์ในการเรียกร้องจากความเสียหายที่เกิดขึ้น นอกจากนี้หากคุณมีภาพของสิ่งของก่อนที่จะเกิดความเสียหาย จะยิ่งสนับสนุนการเคลมของคุณได้ดี และคุณควรถ่ายภาพของสิ่งของที่เสียหายไปแล้วเอาไว้ด้วย เผื่อเป็นประโยชน์ในการนำไปเคลมกับประกันการเดินทางในภายหลัง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสายการบินจะไม่รับผิดชอบหากเป็นความเสียหาย ที่เกิดจากการสูญสลายไปตามการเวลา หรือการใช้งาน แต่หากเป็นความเสียหายใหญ่ ก็จะรับพิจารณาอย่างแน่นอน หลังจากทางสายการบินออกเอกสารรับแจ้งความเสียหายไว้เรียบร้อยแล้ว คุณควรขอสำเนาเอาไว้ เพื่อนำไปเคลมกับประกันการเดินทางในภายหลัง

 

สิ่งที่คุณอาจจะได้รับ ขึ้นอยู่กับแต่ละสายการบิน มีดังนี้:

  •       ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมทรัพย์สินของคุณ ซึ่งคุณต้องส่งใบเสร็จค่าซ่อมแซมตามมาในภายหลัง
  •       ข้อเสนอในการรับของของคุณเข้าซ่อมแซมในศูนย์ซ่อมแซมกระเป๋าเดินทางเฉพาะของสายการบิน

อย่างไรก็ตาม คุณสามารถนำเรื่องนี้ขึ้นเคลมกับบริษัทประกันที่คุณทำประกันการเดินทางไว้ด้วยได้ คุณต้องแสดงรายละเอียดเที่ยวบิน รายงานความเสียหายของสิ่งของที่ออกโดยสายการบิน รูปภาพทั้งก่อนและหลังความเสียหาย (ถ้ามี) และบิลใบเสร็จค่าซ่อมแซม

 

จะทำอย่างไรถ้า “ทรัพย์สิน” ถูกขโมยระหว่างทริป?

ตราบเท่าที่คุณไม่ละทิ้งกระเป๋า โดยที่ไม่มีใครดูแล ประกันการเดินทางจะคุ้มครองกรณีของถูกขโมยที่เกิดขึ้น โดยสิ่งที่คุณต้องทำก็คือ การแจ้งความของถูกขโมยภายใน 24 ชั่วโมง ขอถ่ายสำเนาไว้ให้เรียบร้อยเพื่อยื่นเป็นหลักฐานแก่บริษัทประกัน ซึ่งบริษัทประกันจะคุ้มครองเฉพาะกรณีที่ของถูกขโมยขณะที่คุณดูแลอยู่ ถืออยู่กับตัวเท่านั้น ส่วนของที่ถูกละทิ้งไว้ ไม่อยู่กับตัว อาทิ ของที่ถูกทิ้งเอาไว้ที่โรงแรม และถูกขโมย จะอยู่ในความรับผิดชอบของคุณเอง

ดังนั้น ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็ตาม การมีประกันการเดินทางเอาไว้ ก็สามารถช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อย ช่วยคุณให้ไม่ต้องปวดหัวกับการการเรียกร้องกับสายการบิน ช่วยให้คุณอุ่นใจกับข้าวของที่คุณพวกติดตัวไปในระหว่างการเดินทาง ซึ่งหากคุณเดินทางนานๆ ที การซื้อประกันการเดินทางแบบครั้งเดียว ก็เป็นการคุ้มครองที่เพียงพอแล้ว ส่วนคนที่เดินทางบ่อยๆ การซื้อแบบ multi-trip insurance ดูจะเป็นการเลือกที่คุ้มที่สุดนั่นเอง

Cr: Gobear.com